ซีอิ๊วหมัก แบบต่างๆที่พบเห็นในปัจจุบัน มี 3 แบบ คือ
1. ซีอิ๊วหมักแบบไทย เป็นการหมักแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ใช้ถั่วเหลืองกับข้าวเจ้าในการหมัก ทําการหมักเชื้อรา บนกระด้ง หลังจากนั้น 3 วัน จึงนําไปหมักกับนํ้าเกลือในโอ่ง ประมาณ 60 – 90 วัน ทําการฆ่าเชื้อ โดยใช้อุณหภูมิตํ่า ซึ่งการผลิตในลักษณะนี้ ปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็นแล้ว จะมีก็ตามครัวเรือนเล็กๆ ในต่างจังหวัด
2. ซีอิ๊วหมักแบบจีน ผลิตจากถั่วเหลือง หรือถั่วเหลืองที่สกัดนํ้ามันแล้ว กับ แป้งสาลี หรือเมล็ดข้าวสาลี ปริมาณการใช้ถั่วเหลืองจะมากกว่าแป้งสาลี / ข้าวสาลี ทําการหมักด้วยเชื้อรา เพาะเลี้ยงอยู่ใน ห้องโกจิ 2 วัน หลังจากนั้น นําไปหมักกับนํ้าเกลือในถังหมัก เป็นระยะเวลา 90 วันขึ้นไป นํ้าซีอิ๊ว ที่ได้จะมีสีออกนํ้าตาลแดง กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม แต่ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์
แต่ในปัจจุบัน ซีอิ๊วหมักแบบจีนที่ผลิตในไทย ก็มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในแง่ ของเชื้อราที่ใช้ ระยะเวลาที่ใช้ในการหมัก – บ่ม ชนิดของวัตถุดิบและการเตรียม ทําให้มีซีอิ๊วหมักแบบ จีนหลากหลายคุณภาพ
3. ซีอิ๊วหมักแบบญี่ปุ่น ผลิตจากถั่วเหลืองที่สกัดนํ้ามันออกแล้ว และเมล็ดข้าวสาลี ทําการหมักโดยใช้เชื้อรา เพาะเลี้ยงในห้องโกจิ หลังจากนั้นนําไปหมักกับนํ้าเกลือ ในถังหมัก เป็นระยะเวลา 120 วันขึ้นไป ซึ่งในขั้นตอนนี้จะมีการเติมเชื้อยีสต์ลงไปเพื่อหมักแอลกอฮอล์ นํ้าซีอิ๊วที่ได้ มีลักษณะเด่น คือ มีสีออก นํ้าตาลแดง กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม และมีกลิ่นแอลกอฮอล์ที่เด่นชัด
ประเภทของซีอิ๊วญี่ปุ่น แบ่งตามลักษณะเป็น 5 ชนิด คือ
1. โคอิกูจิ ( Regular Soy Sauce ) สีเข้มมาก รสชาติดี กลิ่นหอม
2. ยูซุกูจิ ( Light – Coloured Soy Sauce ) สีอ่อนกว่า Regular soy sauce กินกับผัก
3. ซาอิกิโกมิ ( Double – Fermented Soy Sauce ) ใช้ซีอิ๊วหมักแทนนํ้าเกลือ
4. ทามาริ ( Tamari Soy Sauce )
5. ชิโร ( Clear Soy Sauce ) สีอ่อนมาก
ประเภทของซีอิ๊วญี่ปุ่น แบ่งตามคุณภาพ ตามมาตรฐานของ JAS ( Japanese Agricultural Standard ) ได้เป็น Special High Grade , High Grade ( Upper Grade ) , Standard Grade